tag:blogger.com,1999:blog-48973860879845444062023-11-15T05:17:53.644-08:00นางสาววิจิตรา แก้วสะเทือน ม.5/8เลขที่45วิจิตรา แก้วสะเทือน ม.5/8 เลขที่45http://www.blogger.com/profile/15206913492770899315noreply@blogger.comBlogger7125tag:blogger.com,1999:blog-4897386087984544406.post-53174139489604965782011-09-15T04:12:00.003-07:002011-09-15T04:54:47.498-07:00ุุบทที่6 เศรษฐกิจระหว่างประเทศ<div align="center" style="text-align: center;"><b><span lang="TH" style="background: white; color: black; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">เศรษฐกิจระหว่างประเทศ</span></b><span style="background: white; color: black; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><o:p></o:p></span></div><span style="background: white; color: black; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><br />
<b><span lang="TH">เศรษฐกิจระหว่างประเทศ</span></b><span class="apple-converted-space"> </span><span lang="TH">หมายถึง การดำเนินการติดต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ประกอบด้วย การค้า การลงทุน การเงิน</span><br />
<br />
<b><span lang="TH">การรวมกลุ่มระหว่างประเทศ</span><span class="apple-converted-space"> </span></b><br />
<span lang="TH">การค้าระหว่างประเทศ หมายถึง การซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศต่าง ๆ</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<u><span lang="TH">สาเหตุของการค้าระหว่างประเทศ</span></u><span class="apple-converted-space"> </span><br />
1. <span lang="TH">ประเทศต่าง ๆ มีความแตกต่างกันในด้านทรัพยากรธรรมชาติ</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
2. <span lang="TH">ประเทศต่าง ๆ มีความสามารถในการผลิตไม่เหมือนกัน</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
3. <span lang="TH">ประเทศต่าง ๆ มีความแตกต่างกันในด้านลักษณะทางกายภาพ เช่น สภาพดิน สภาพอากาศ และภูมิประเทศต่างกัน</span><br />
<u><span lang="TH">ประโยชน์การค้าระหว่างประเทศ</span></u><span class="apple-converted-space"> </span><br />
1. <span lang="TH">เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศ</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
2. <span lang="TH">ทำให้เกิดการแบ่งงานกันทำ</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
3. <span lang="TH">เกิดการแข่งขันกันด้านคุณภาพของสินค้าและบริการ</span><br />
4. <span lang="TH">เกิดความชำนาญเฉพาะอย่างในการผลิตสินค้าที่ถนัดอย่างต่อเนื่อง</span><o:p></o:p></span><br />
<span style="background: white; color: black; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><br />
<b><span lang="TH">นโยบายการค้าระหว่างประเทศ</span></b><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<b>1. <span lang="TH">นโยบายการค้าแบบเสรี</span><span class="apple-converted-space"> </span></b><br />
<span lang="TH">นโยบายการค้าแบบเสรี หมายถึง นโยบายที่รัฐบาลสนับสนุนให้มีการค้าระหว่างประเทศแบบไม่มีข้อจำกัด เช่น ไม่มีการตั้งกำแพงภาษีขาเข้า ไม่มีข้อจำกัดทางการค้า</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<b>2. <span lang="TH">นโยบายการค้าแบบคุ้มกัน</span></b><br />
<span lang="TH">นโยบายการค้าแบบคุ้มกัน หมายถึง นโยบายการค้าที่รัฐบาลมีมาตรการต่าง ๆ เพื่อจำกัดการนำเข้าและส่งออก ของสินค้า เช่น การตั้งกำแพงภาษี การกำหนดโควต้าการนำเข้าและส่งออก การสนับสนุนเพื่อลดต้นทุนการผลิต และการผลิตสินค้าหลาย ๆ อย่างเพื่อใช้ภายในประเทศเอง</span><o:p></o:p></span><br />
<b><span style="background: white; color: black; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><br />
<span lang="TH">นโยบายการค้าของไทย</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
1. <span lang="TH">นโยบายทดแทนการนำเข้า</span><span class="apple-converted-space"> </span></span></b><span style="background: white; color: black; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><br />
<span lang="TH">เป็นนโยบายที่มุ่งเน้นในการผลิตสินค้าและบริการภายในประเทศ เพื่อที่จะไม่ต้องพึ่งพาสินค้าจากต่างประเทศ</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<b>2. <span lang="TH">นโยบายส่งเสริมการส่งออก</span></b><br />
<span lang="TH">เป็นนโยบายที่มุ่งเน้นการส่งออกมากที่สุดและส่งเสริมอุตสาหกรรมภายในประเทศให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้</span><o:p></o:p></span><br />
<b><span style="background: white; color: black; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><br />
<span lang="TH">ภาวะการค้าต่างประเทศของไทย</span><span class="apple-converted-space"> </span></span></b><span style="background: white; color: black; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><br />
<b>1. <span lang="TH">การส่งออก</span></b><br />
<span lang="TH">ประเทศไทยเคยส่งออกข้าวและยางพาราเป็นสินค้าสำคัญ ปัจจุบันสินค้าที่ส่งออกสำคัญได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป </span>,<span lang="TH">สิ่งทอ </span>, <span lang="TH">อัญมณี </span>, <span lang="TH">เครื่องประดับ เป็นต้น</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<b>2. <span lang="TH">การนำเข้า</span><span class="apple-converted-space"> </span></b><br />
<span lang="TH">ประเทศไทยจากอดีตจนถึงปัจจุบันการนำเข้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง สินค้าที่นำเข้าส่วนใหญ่ได้แก่สินค้าประเภททุนและวัตถุดิบ</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<b>3. <span lang="TH">ประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย</span></b><br />
<span lang="TH">ในการส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ยุโรป อาเซียน ส่วนประเทศที่นำเข้าประเทศไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น</span><o:p></o:p></span><br />
<span style="background: white; color: black; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><br />
<b><span lang="TH">ดุลการค้าระหว่างประเทศ</span><span class="apple-converted-space"> </span></b><br />
<span lang="TH">ดุลการการค้าระหว่างประเทศ หมายถึง การเปรียบเทียบมูลค่าสินค้าส่งออกกับมูลค่าสินค้านำเข้าของประเทศในระยะเวลา </span>1 <span lang="TH">ปี</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<b><br />
<span lang="TH">ประเภทของดุลการค้า</span><span class="apple-converted-space"> </span></b><br />
1. <span lang="TH">ดุลการค้าเกินดุล หมายถึง มูลค่าสินค้าส่งออกมากกว่าสินค้านำเข้า</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
2. <span lang="TH">ดุลการค้าขาดดุล หมายถึง มูลค่าสินค้าส่งออกน้อยกว่ามูลค่าสินค้านำเข้า</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
3. <span lang="TH">ดุลการค้าสมดุล หมายถึง มูลค่าสินค้านำเข้าเท่ากับมูลค่าสินค้าส่งออก</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<br />
<b><span lang="TH">ดุลการชำระเงิน</span><span class="apple-converted-space"> </span></b><br />
<span lang="TH">ดุลการชำระเงิน หมายถึง บัญชีที่แสดงรายรับและรายจ่ายเงินตราต่างประเทศภายในเวลา </span>1 <span lang="TH">ปี แบ่งเป็น </span>3 <span lang="TH">บัญชี คือ</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
1. <span lang="TH">บัญชีเดินสะพัด</span>< <span lang="TH">คือ บัญชีที่แสดงรายการรับ - จ่ายเกี่ยวกับสินค้าและบริการ ได้แก่</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
- <span lang="TH">ดุลการค้า คือ มูลค่าสินค้าเข้าและมูลค่าสินค้าออก</span><br />
- <span lang="TH">ดุลบริการ คือ รายรับและรายจ่ายจากค่าขนส่ง บริการ ค่าประกันภัย เป็นต้น</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
2. <span lang="TH">บัญชีเงินโอนและบริจาค เป็นบัญชีที่แสดงรายรับและรายจ่ายเกี่ยวกับเงินได้เปล่าของรัฐบาลและเอกชน</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
3. <span lang="TH">บัญชีทุนเคลื่อนย้าย เป็นบัญชีที่แสดงการเคลื่อนย้ายทุนระหว่างประเทศ</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
4. <span lang="TH">บัญชีทุนสำรองระหว่างประเทศ เป็นบัญชีแสดงยอดสุทธิระหว่างรายรับและรายจ่ายของประเทศ</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<br />
<u><span lang="TH">ลักษณะดุลการชำระเงิน</span></u><span class="apple-converted-space"> </span><br />
1. <span lang="TH">ดุลการชำระเกินดุล หมายถึง รายรับมากกว่ารายจ่าย</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
2. <span lang="TH">ดุลการชำระขาดดุล หมายถึง รายรับน้อยกว่ารายจ่าย</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
3. <span lang="TH">ดุลการชำระเงินสมดุล หมายถึง รายรับเท่ากับรายจ่าย</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<br />
<u><span lang="TH">ความสำคัญของดุลการชำระเงิน และทุนสำรองระหว่างประเทศ</span></u><span class="apple-converted-space"> </span><br />
1. <span lang="TH">มีผลต่อทุนสำรองระหว่างประเทศ คือถ้าดุลการชำระเกินดุล ทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น แต่ถ้าดุลการชำระขาดดุล ทุนสำรองระหว่างประเทศลดลง</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
2. <span lang="TH">ทุนสำรองระหว่างประเทศ ได้แก่ ทองคำ เงินตราต่างประเทศ หลักทรัพย์ที่ธนาคารกลางถือไว้ และทุนสำรอง </span>I.M.F<span class="apple-converted-space"> </span><br />
<u><br />
<span lang="TH">การแก้ไขดุลการชำระเงินขาดดุล</span></u><br />
1. <span lang="TH">ลดการนำสินค้าเข้า</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
2. <span lang="TH">ส่งเสริมให้มีสินค้าออกมากที่สุด</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
3. <span lang="TH">ส่งเสริมให้มีการลงทุนจากต่างประเทศ</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
4. <span lang="TH">ประชาชนไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
5. <span lang="TH">ประชาชนไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
6. <span lang="TH">ส่งเสริมให้มีการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
7. <span lang="TH">รัฐบาลควรลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
8. <span lang="TH">กู้เงินจากต่างประเทศ</span><o:p></o:p></span><br />
<b><span style="background: white; color: black; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><br />
<span lang="TH">ปัญหาการค้าต่างประเทศของไทย</span><span class="apple-converted-space"> </span></span></b><span style="background: white; color: black; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><br />
<span lang="TH">ปัญหาทางการค้าระหว่างประเทศของไทยกับสหรัฐอเมริกา คือ การกีดกันทางการค้า โดยสหรัฐอเมริกามีมาตรการต่าง ๆ ได้แก่</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
- <span lang="TH">ห้ามการนำเข้า</span><br />
- <span lang="TH">เพิ่มภาษีการนำเข้า</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
- <span lang="TH">ตัดสิทธิพิเศษทางศุลกากร (</span>G.S.P) <span lang="TH">คือ สหรัฐอเมริกาให้สิทธิพิเศษในการลดหย่อนการเก็บภาษีการนำเข้าสหรัฐอเมริกาแก่ประเทศต่าง ๆ</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<span lang="TH">สหรัฐอเมริกาเรียกร้องต่อรัฐบาลไทย เพื่อแลกเปลี่ยนกับสิทธิพิเศษทางศุลกากร (</span>G.S.P) <span lang="TH">ได้แก่</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
1. <span lang="TH">ให้ปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้า</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
2. <span lang="TH">ให้ปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ และพระราชบัญญัติสิทธิบัตร เช่น คอมพิวเตอร์ซอฟแวร์ และสิทธิบัตรยา ซึ่งถ้ารัฐบาลไทยไม่ปฏิบัติตามจะมีผลต่อสิทธิพิเศษทางศุลกากร (</span>G.S.P)<span class="apple-converted-space"> </span><br />
<br />
<b><span lang="TH">อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ</span><span class="apple-converted-space"> </span></b><br />
<span lang="TH">อัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หมายถึง การเปรียบเทียบราคาของเงินตราประเทศหนึ่งกับเงินตราของอีกประเทศหนึ่ง ภายใต้เงื่อนไขที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (</span>I.M.F) <span lang="TH">ได้กำหนดไว้ ซึ่งจะมีผลต่อสินค้านำเข้า สินค้าส่งออก และดุลการค้าของประเทศ</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<span lang="TH">การลดค่าเงินบาทของไทย คือ เงินตราต่างประเทศแลกเงินไทยได้มากขึ้น เช่น </span>1 <span lang="TH">ดอลลาร์ </span>27 <span lang="TH">บาท เป็น </span>38 <span lang="TH">บาท</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<br />
<b><span lang="TH">ผลกระทบจากการลดค่าของเงิน</span></b><br />
1. <span lang="TH">ราคาสินค้าไทยในต่างประเทศถูกลง</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
2. <span lang="TH">ราคาสินค้าต่างประเทศในไทยสูงขึ้น</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
3. <span lang="TH">คนต่างประเทศมาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
4. <span lang="TH">คนไทยไปเที่ยวต่างประเทศน้อยลง</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
5. <span lang="TH">ชาวต่างประเทศมาลงทุนในไทยมากขึ้น</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
6. <span lang="TH">ภาระหนี้สินของไทยกับต่างประเทศสูงขึ้น</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<br />
<b><span lang="TH">การเพิ่มค่าเงินบาท</span></b><span class="apple-converted-space"> </span><span lang="TH">คือ เงินตราต่างประเทศแลกเงินไทยได้น้อยลง</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<b><span lang="TH">ผลกระทบจากการเพิ่มค่าของเงิน</span><span class="apple-converted-space"> </span></b><br />
1. <span lang="TH">ราคาสินค้าของไทยในต่างประเทศสูงขึ้น</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
2. <span lang="TH">ราคาสินค้าต่างประเทศในไทยถูกลง</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
3. <span lang="TH">คนต่างประเทศมาเที่ยวเมืองไทยน้อยลง</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
4. <span lang="TH">คนไทยไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
5. <span lang="TH">คนต่างประเทศมาลงทุนในไทยน้อยลง</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
6. <span lang="TH">ภาระหนี้สินของไทยกับต่างประเทศลดลง</span><o:p></o:p></span><br />
<span style="background: white; color: black; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><br />
<b><span lang="TH">การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ</span><span class="apple-converted-space"> </span></b><br />
<span lang="TH">การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ คือ การรวมตัวตั้งแต่ </span>2 <span lang="TH">ประเทศขึ้นไปเพื่อประสานผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในระหว่างกลุ่มเดียวกัน แบ่งเป็น </span>5 <span lang="TH">ระดับ ได้แก่</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
1. <span lang="TH">เขตการค้าเสรี หมายถึง ประเทศต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิกไม่มีการเก็บภาษีนำเข้า ไม่กำหนดโควตา แต่สามารถกำหนดอัตราภาษีแก่ประเทศที่ไม่เป็นสมาชิกได้</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
2. <span lang="TH">สหภาพศุลกากร หมายถึง ประเทศสมาชิกเปิดการค้าเสรี แต่ประเทศนอกกลุ่มต้องตั้งกำแพงภาษีเหมือนกันหมด</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
3. <span lang="TH">ตลาดร่วม หมายถึง ประเทศสมาชิกทุกประเทศจะมีการเคลื่อนย้ายทุน สินค้า แรงงาน บริการ ได้โดยเสรี</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
4. <span lang="TH">สหภาพเศรษฐกิจ หมายถึง ประเทศสมาชิกต้องใช้นโยบายเศรษฐกิจการค้า การลงทุน ร่วมกัน</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
5. <span lang="TH">การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจแบบสมบูรณ์ หมายถึง การรวมตัวด้านการปกครอง เศรษฐกิจและการเมืองเหมือนกัน</span><o:p></o:p></span><br />
<span style="background: white; color: black; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><br />
<b><span lang="TH">การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน</span></b><br />
<b>1. <span lang="TH">องค์การค้าโลก หรือ </span>WTO<span class="apple-converted-space"> </span></b><br />
<span lang="TH">ได้พัฒนาขึ้นจากองค์การแกตต์ หรือข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<u><span lang="TH">วัตถุประสงค์</span></u><br />
1. <span lang="TH">เพื่อลดอุปสรรคทางด้านภาษีศุลกากรของการค้าระหว่างประเทศ</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
2. <span lang="TH">เป็นเครื่องมือให้ประเทศภาคีสมาชิกปฏิบัติตาม</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
3. <span lang="TH">เป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เจรจาไกล่เกลี่ยทางการค้าของประเทศภาคีสมาชิก ประเทศที่เป็นสมาชิกมีประมาณ </span>185 <span lang="TH">ประเทศ </span> <span lang="TH">ประเทศไทยเป็นสมาชิกอันดับที่ </span>87<span class="apple-converted-space"> </span><br />
<b>2. <span lang="TH">เขตการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟต้า (</span>AFTA)<span class="apple-converted-space"> </span></b><br />
<span lang="TH">เป็นเขตการค้าเสรีอาเซียนสำหรับปลุ่มประเทศแห่งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งขึ้น โดยนายกรัฐมนตรี อานันท์ ปันยารชุน ของประเทศไทย</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<u><span lang="TH">วัตถุประสงค์</span></u><br />
<span lang="TH">เพื่อให้ประเทศสมาชิกลดอัตราภาษีสินค้าอุตสาหกรรมให้เหลือร้อยละ </span>0 - 5 <span lang="TH">ภายใน </span>15 <span lang="TH">ปี เริ่มจาก </span>1 <span lang="TH">มกราคม </span>2537 <span lang="TH">ถึง </span>1 <span lang="TH">มกราคม </span>2551 <span lang="TH">ประเทศสมาชิกประกอบด้วย อินโดนีเซีย บรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และไทย</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<b>3. <span lang="TH">ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเซีย - แปซิฟิก หรือ เอเปค (</span>APEC)<span class="apple-converted-space"> </span></b><br />
<span lang="TH">ก่อตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ในการค้าเสรีและการลงทุนในภูมิภาคเอเซียและแปซิฟิก</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<u><span lang="TH">วัตถุประสงค์</span></u><br />
1. <span lang="TH">ส่งเสริมการเปิดการค้าเสรีและการลงทุนในภูมิภาคเอเซีย - แปซิฟิก สำหรับประเทศพัฒนาแล้วจะดำเนินการเปิดการค้าเสรีให้เสร็จในปี ค.ศ. </span>2010 <span lang="TH">และประเทศที่กำลังพัฒนาจะดำเนินการเปิดการค้าเสรีให้เสร็จในปี ค.ศ. </span>2020<span class="apple-converted-space"> </span><br />
2. <span lang="TH">ขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ เพื่อขยายตัวทางเศรษฐกิจ ประเทศสมาชิกมีทั้งหมด </span>18 <span lang="TH">ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ สิงค์โปร มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เม็กซิโก ปาปัวนิวกินี ชิลี และไทย</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<b>4. <span lang="TH">สหภาพยุโรป หรือ </span>EU<span class="apple-converted-space"> </span></b><br />
<span lang="TH">เป็นการรวมตัวของกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจยุโรป เรียกว่า สหภาพยุโรป</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
<u><span lang="TH">วัตถุประสงค์</span></u><br />
<span lang="TH">ประชาคมยุโรป </span>15 <span lang="TH">ประเทศได้รวมตัวเป็นตลาดเดียว เพื่อวัตถุประสงค์ ดังนี้</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
- <span lang="TH">เพื่อการเคลื่อนย้ายสินค้าของประเทศสมาชิกได้โดยเสรี</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
- <span lang="TH">เพื่อประชากรของประเทศสมาชิกสามารถประกอบอาชีพข้ามชาติได้ เดินทางและตั้งถิ่นฐานต่างชาติได้</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
- <span lang="TH">มีการลงทุนในประเทศสมาชิกได้โดยเสรี</span><span class="apple-converted-space"> </span><br />
- <span lang="TH">ใช้ระบบเงินสกุลเดียวกัน คือ เอกู ประเทศสมาชิกประกอบด้วย ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ ลักเซมเบิร์ก เดนมาร์ก ไอร์แลนด์ สเปน กรีซ โปรตุเกส สวีเดน ฟินแลนด์ ออสเตรเลีย</span><o:p></o:p></span><br />
<div class="MsoNormal"><br />
</div>วิจิตรา แก้วสะเทือน ม.5/8 เลขที่45http://www.blogger.com/profile/15206913492770899315noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4897386087984544406.post-80480794390378165712011-09-15T04:12:00.001-07:002011-09-15T04:54:10.592-07:00บทที่ 5 นโยบายการเงิน การคลัง กับการพัฒนาเศรษฐกิจ<div style="border-bottom: solid #EFEFEF 1.0pt; border: none; mso-border-bottom-alt: solid #EFEFEF .75pt; mso-element: para-border-div; padding: 0cm 0cm 2.0pt 0cm;"> <h2 style="border: none; line-height: 18.0pt; margin-bottom: 5.25pt; margin-left: 0cm; margin-right: 0cm; margin-top: 2.25pt; mso-border-bottom-alt: solid #EFEFEF .75pt; mso-padding-alt: 0cm 0cm 2.0pt 0cm; padding: 0cm;"><span lang="TH" style="background: white; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">นโยบายการเงิน</span><span style="background: white; color: #04aab6; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><o:p></o:p></span></h2></div><div class="MsoNormal"><br />
</div><div class="MsoNormal"><span lang="TH" style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">นโยบายการเงินคือ นโยบายที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือทางการเงิน ได้แก่ ปริมาณเงิน (</span><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">Money supply) <span lang="TH">อัตราแลกเปลี่ยน (</span>Exchange rate) <span lang="TH">และอัตราดอกเบี้ย (</span>Interest rate) <span lang="TH">ทำโดยการปรับลด-เพิ่มปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจที่จะมีผลต่อการกำหนดทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยนให้แข็งค่าหรืออ่อนค่า และการปรับลด-เพิ่มของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นหน้าที่ของธนาคารกลาง หรือธนาคารแห่งประเทศไทยในการกำหนดทิศทางของการดำเนินนโยบายการเงิน</span><o:p></o:p></span></div><div style="margin-bottom: 6.0pt; margin-left: 0cm; margin-right: 0cm; margin-top: 6.0pt; mso-line-height-alt: 13.5pt;"><br />
</div><div style="margin-bottom: 6.0pt; margin-left: 0cm; margin-right: 0cm; margin-top: 6.0pt; mso-line-height-alt: 13.5pt;"><strong><span lang="TH" style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">ทำไมต้องมีนโยบายการเงิน</span></strong><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><o:p></o:p></span></div><div style="margin-bottom: 6.0pt; margin-left: 0cm; margin-right: 0cm; margin-top: 6.0pt; mso-line-height-alt: 13.5pt;"><span lang="TH" style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">เช่นเดียวกับธนาคารกลางทั่วโลกที่ต่างก็ดำเนินนโยบายการเงินโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน กล่าวคือ ในยามที่เศรษฐกิจขาลง หรือตกต่ำ มีคนว่างงานจำนวนมาก การดำเนินนโยบายการเงินแบบขยายตัว ก็จะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นได้ ขณะที่หากเกิดภาวะเงินเฟ้อสูง ๆ อันเนื่องมาจากขยายตัวของเศรษฐกิจที่สูงเกินไป จนการผลิตมีมากกว่าความต้องการบริโภคที่แท้จริง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจได้ในอนาคต เพราะสินค้าที่ผลิตมากเกิน อาจจะขายไม่ออกในเวลาต่อมา นโยบายการเงินก็จะดำเนินไปในแนวทางที่ตึงตัวขึ้นหรือหดตัว เพื่อลดความร้อนแรงของภาวะเศรษฐกิจดังกล่าว</span><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><o:p></o:p></span></div><div style="margin-bottom: 6.0pt; margin-left: 0cm; margin-right: 0cm; margin-top: 6.0pt; mso-line-height-alt: 13.5pt;"><br />
</div><div style="margin-bottom: 6.0pt; margin-left: 0cm; margin-right: 0cm; margin-top: 6.0pt; mso-line-height-alt: 13.5pt;"><strong><span lang="TH" style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">นโยบายการเงินแบบขยายตัว (</span></strong><strong><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">Expansionary monetary policy)</span></strong><span class="apple-converted-space"><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"> </span></span><span lang="TH" style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">สามารถทำได้หลายวิธีได้แก่</span><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><o:p></o:p></span></div><div style="margin-bottom: 6.0pt; margin-left: 0cm; margin-right: 0cm; margin-top: 6.0pt; mso-line-height-alt: 13.5pt;"><strong><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">• <span lang="TH">การเปลี่ยนแปลงอัตราเงินสดสำรองที่ต้องดำรง (</span>Reserve ratio)</span></strong><span class="apple-converted-space"><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"> </span></span><span lang="TH" style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">ของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งหมายถึง เงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ต้องฝากไว้กับธนาคารกลาง ซึ่งอาจกำหนดไว้ที่ร้อยละ </span><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">6 <span lang="TH">ซึ่งหมายถึงว่าหากธนาคารพาณิชย์รับเงินฝากจากประชาชนมา </span>100 <span lang="TH">บาท ธนาคารพาณิชย์จำเป็นต้องฝากเงินสดสำรอง (</span>Required reserve) <span lang="TH">ไว้ที่ธนาคารกลาง </span>6 <span lang="TH">บาท และเหลือเงินสดสำรองส่วนเกิน (</span>Excess reserve) <span lang="TH">เพื่อปล่อยกู้ หรือลงทุนแสวงหากำไรอีก </span>94 <span lang="TH">บาท เป็นต้น ซึ่งหากมีการปรับลดอัตราเงินสดสำรองเหลือร้อยละ </span>3 <span lang="TH">ก็จะทำให้ธนาคารพาณิชย์มีเงินสดสำรองส่วนเกินเพื่อปล่อยกู้ให้กับประชาชนเพิ่มขึ้นเป็น </span>97 <span lang="TH">บาท เป็นต้น (เป็นเพียงตัวอย่างเพื่อสร้างความเข้าใจง่ายๆ ซึ่งจริงๆ แล้ว เงินสดสำรองส่วนเกินดังกล่าวยังจะต้องผ่านกระบวนการสร้างเงินฝากของธนาคารพาณิชย์อีกกระบวนการหนึ่ง โดยจะได้กล่าวถึงโดยละเอียดในบทความต่อๆ ไป เมื่อมีโอกาส) ซึ่งเมื่อธนาคารพาณิชย์มีเงินสดสำรองส่วนเกินมากขึ้น และกลไกการปล่อยสินเชื่อทำได้เต็มที่ จะทำให้การบริโภคและการลงทุนปรับสูงขึ้น การจ้างงานก็ปรับสูงขึ้น และทำให้เศรษฐกิจโดยรวมขยายตัวได้</span><o:p></o:p></span></div><div style="margin-bottom: 6.0pt; margin-left: 0cm; margin-right: 0cm; margin-top: 6.0pt; mso-line-height-alt: 13.5pt;"><br />
</div><div style="margin-bottom: 6.0pt; margin-left: 0cm; margin-right: 0cm; margin-top: 6.0pt; mso-line-height-alt: 13.5pt;"><strong><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">• <span lang="TH">การซื้อขายหลักทรัพย์ หรือพันธบัตรของธนาคารกลางกับภาคเอกชน (</span>Open market operation)</span></strong><span class="apple-converted-space"><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"> </span></span><span lang="TH" style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">การดำเนินนโยบายการเงินแบบขยายตัว ธนาคารกลางจะซื้อหลักทรัพย์จากภาคเอกชน เพื่อปล่อยเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ทำให้ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจมีมากขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนให้เกิดการบริโภค การลงทุนและทำให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อไป</span><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><o:p></o:p></span></div><div style="margin-bottom: 6.0pt; margin-left: 0cm; margin-right: 0cm; margin-top: 6.0pt; mso-line-height-alt: 13.5pt;"><br />
</div><div style="margin-bottom: 6.0pt; margin-left: 0cm; margin-right: 0cm; margin-top: 6.0pt; mso-line-height-alt: 13.5pt;"><strong><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">• <span lang="TH">การเปลี่ยนแปลงอัตราซื้อลด (</span>Discount rate)</span></strong><span class="apple-converted-space"><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"> </span></span><span lang="TH" style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">คือ การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ธนาคารกลางคิดจากธนาคารพาณิชย์ การดำเนินนโยบายการเงินแบบขยายตัวจะทำโดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ซึ่งจะมีผลทำให้เงินสดสำรองของธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้น และทำให้ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น</span><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><o:p></o:p></span></div><div style="margin-bottom: 6.0pt; margin-left: 0cm; margin-right: 0cm; margin-top: 6.0pt; mso-line-height-alt: 13.5pt;"><br />
</div><div style="margin-bottom: 6.0pt; margin-left: 0cm; margin-right: 0cm; margin-top: 6.0pt; mso-line-height-alt: 13.5pt;"><strong><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">• <span lang="TH">การขอความร่วมมือให้ธนาคารพาณิชย์ปฏิบัติตาม (</span>Moral suasion)</span></strong><span class="apple-converted-space"><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"> </span></span><span lang="TH" style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">เช่น การขอให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้กับกิจกรรมทางเศรษฐกิจบางประเภทที่มีความสำคัญ เช่น ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (</span><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">SMEs) <span lang="TH">เป็นต้น</span><o:p></o:p></span></div><div style="margin-bottom: 6.0pt; margin-left: 0cm; margin-right: 0cm; margin-top: 6.0pt; mso-line-height-alt: 13.5pt;"><br />
</div><div style="margin-bottom: 6.0pt; margin-left: 0cm; margin-right: 0cm; margin-top: 6.0pt; mso-line-height-alt: 13.5pt;"><strong><span lang="TH" style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">นโยบายการเงินแบบหดตัว (</span></strong><strong><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">Contractionary monetary policy)</span></strong><span class="apple-converted-space"><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"> </span></span><span lang="TH" style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">ทำได้โดยการลดปริมาณเงิน ผ่านช่องทางการเพิ่มอัตราเงินสดสำรอง การขายหลักทรัพย์ให้แก่ภาคเอกชน และการเพิ่มอัตราซื้อลด ซึ่งจะเป็นการดูดเงินออกจากระบบเศรษฐกิจ ซึ่งธนาคารกลางมักจะเลือกทำในยามที่ประเมินว่าเศรษฐกิจอาจจะร้อนแรงเกินไปจนอาจเกิดผลเสียตามมาในภายหลัง เช่นในช่วงที่เกิดฟองสบู่ในตลาดที่อยู่อาศัย หรือในช่วงที่เกิดภาวะเงินเฟ้อสูงๆ ในประเทศ เป็นต้น</span><span style="background: white; color: #555555; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><o:p></o:p></span></div>วิจิตรา แก้วสะเทือน ม.5/8 เลขที่45http://www.blogger.com/profile/15206913492770899315noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4897386087984544406.post-47292478718452346922011-09-15T04:11:00.001-07:002011-09-15T04:53:33.980-07:00บทที่ 4 สหกรณ์<b><span lang="TH" style="color: #5e5e01; font-family: 'Angsana New'; font-size: 16pt;">ทิศทางพัฒนาสหกรณ์ไทยในทศวรรษใหม่ ภายใต้แนวคิด "สมชาย ชาญณรงค์กุล"</span></b><br />
<b><span lang="TH" style="color: #5e5e01; font-family: 'Angsana New'; font-size: 16pt;"><span style="color: #5e5e01; font-family: 'Angsana New'; font-size: 16pt;">"<span lang="TH">ขบวนการสหกรณ์" นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากเป็นสถาบันทางเศรษฐกิจและสังคมที่ช่วยแก้ไขปัญหาในการประกอบอาชีพ ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น เป็นแหล่งทุน แหล่งความรู้ แหล่งอาชีพและรายได้ของคนมากกว่า </span>10 <span lang="TH">ล้านคนทั่วประเทศ ปัจจุบันมีสหกรณ์ทั่วประเทศจำนวนประมาณ </span>8 <span lang="TH">พันแห่ง โดยเป็นสหกรณ์ภาคการเกษตรประมาณกว่าครึ่ง มีทุนดำเนินการสูงถึง </span>1.4 <span lang="TH">แสนล้านบาท ดัง นั้นจำเป็นที่กรมส่งเสริมสหกรณ์จะต้องคอยเป็นพี่เลี้ยงชี้แนะแนวทางของ สหกรณ์ในการดำเนินธุรกิจและกิจกรรมให้ถูกต้องตามหลักการสหกรณ์ นำมาสู่ความแข็งแกร่งของขบวนการสหกรณ์ไทยทั้งระบบ ควบคู่กับการเพิ่มขีดความสามารถการบริหารจัดการสหกรณ์สู่สากล</span></span></span></b><br />
<b><span lang="TH" style="color: #5e5e01; font-family: 'Angsana New'; font-size: 16pt;"><span style="color: #5e5e01; font-family: 'Angsana New'; font-size: 16pt;"><span lang="TH"><span style="color: #5e5e01; font-family: 'Angsana New'; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">วันนี้...เราลองมาฟังนานาทัศนะในการพัฒนาและขับเคลื่อนขบวนการสหกรณ์ไทย ก้าวสู่ทศวรรษใหม่ ๆ เพื่อก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของสังคมและเศรษฐกิจภายใต้โลกยุคใหม่ จาก"สมชาย ชาญณรงค์กุล" อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ หนุ่มใหญ่ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงอีกคนหนึ่งของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ผู้นี้กันดู</span></span></span></span></span></b><br />
<b><span lang="TH" style="color: #5e5e01; font-family: 'Angsana New'; font-size: 16pt;"><span style="color: #5e5e01; font-family: 'Angsana New'; font-size: 16pt;"><span lang="TH"><span style="color: #5e5e01; font-family: 'Angsana New'; font-size: 16pt;"><span lang="TH"><span lang="TH" style="color: #5e5e01; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt; mso-ansi-language: EN-US; mso-bidi-language: TH; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-fareast-language: EN-US;">ถึงแม้ว่าในช่วงปลายปี </span><span style="color: #5e5e01; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt; mso-ansi-language: EN-US; mso-bidi-language: TH; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-fareast-language: EN-US;">2553 <span lang="TH">มีการตั้งเป็นกลุ่มส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งที่ตั้งอยู่ในอำเภอหลักๆ หรือยังตั้งอยู่ที่จังหวัด แต่กลุ่มหนึ่งมีเจ้าหน้าทีประมาณ </span>3 <span lang="TH">คน ดูแลครอบคลุมมากกว่า </span>1 <span lang="TH">อำเภอ หรือสูงถึง </span>5-6 <span lang="TH">อำเภอก็แล้วแต่เขตพื้นที่ การจัดอัตรากำลังแบบนี้ถ้าไม่มีระบบการทำงานที่ชัดเจน การทำงานโดยหวังให้เจ้าหน้าที่ทำงานมากขึ้นก็ไม่ได้เพราะมันไม่มีระบบ กระจุกกันอยู่ในอำเภอที่เป็นที่ตั้งของกลุ่ม</span></span></span></span></span></span></span></b><br />
<b><span lang="TH" style="color: #5e5e01; font-family: 'Angsana New'; font-size: 16pt;"><span style="color: #5e5e01; font-family: 'Angsana New'; font-size: 16pt;"><span lang="TH"><span style="color: #5e5e01; font-family: 'Angsana New'; font-size: 16pt;"><span lang="TH"><span style="color: #5e5e01; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt; mso-ansi-language: EN-US; mso-bidi-language: TH; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-fareast-language: EN-US;"><span lang="TH"><span lang="TH" style="color: #5e5e01; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt; mso-ansi-language: EN-US; mso-bidi-language: TH; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-fareast-language: EN-US;">ช่วงท้ายปี </span><span style="color: #5e5e01; font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt; mso-ansi-language: EN-US; mso-bidi-language: TH; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-fareast-language: EN-US;">2554 <span lang="TH">ผมได้จัดระบบงานส่งเสริมสหกรณ์ขึ้นมาใหม่ โดยกำหนดรูปแบบการทำงานที่แน่นอน โปร่งใส ตรวจสอบ และวัดผลได้ มีการประเมินผลเป็นรายสหกรณ์ เรียกว่า </span>CPD CARD <span lang="TH">นอกจากนี้ยังได้สร้างทีมครูฝึกที่เรียกว่า </span>Trainer <span lang="TH">งานส่งเสริมสหกรณ์ จำนวน </span>108 <span lang="TH">คน จาก </span>27 <span lang="TH">จังหวัด ให้สามารถทำได้ตามระบบและเนื้อหาที่วิเคราะห์จริง เพื่อให้สหกรณ์ได้รับประโยชน์สูงสุด </span>Trainer <span lang="TH">ทั้งหมดต้องลงไปปฏิบัติจริงในพื้นที่รับผิดขอบของตน เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริง จุดอ่อนของระบบที่ต้องปรับปรุง เพราะแต่ละสหกรณ์มีเงื่อนไข ข้อจำกัด และสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน ผมกำหนดให้วันที่ </span>1 <span lang="TH">มกราคม </span>2555 <span lang="TH">เป็นวันดีเดย์ในการขยายผลไปทั่วประเทศ</span></span></span></span></span></span></span></span></span></b>วิจิตรา แก้วสะเทือน ม.5/8 เลขที่45http://www.blogger.com/profile/15206913492770899315noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4897386087984544406.post-43975450315624057072011-09-15T04:10:00.003-07:002011-09-15T04:49:46.097-07:00บทที่ 3 เศรษฐกิจพอเพียง<div align="center" class="MsoNormal" style="text-align: center;"><b><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">เศรษฐกิจแบบพอเพียง</span></b><b><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><br />
<!--[if !supportLineBreakNewLine]--><br />
<!--[endif]--></span></b><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><o:p></o:p></span></div><div class="MsoNormal" style="margin-left: 36.0pt; mso-margin-bottom-alt: auto; mso-margin-top-alt: auto;"><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเข้าพระราชหฤทัยในความเป็นไปของเมืองไทยและคนไทยอย่างลึกซึ้งและกว้างไกล ได้ทรงวางรากฐานในการพัฒนาชนบท และช่วยเหลือประชาชนให้สามารถพึ่งตนเองได้มีความ " พออยู่พอกิน" และมีความอิสระที่จะอยู่ได้โดยไม่ต้องติดยึดอยู่กับเทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกาภิวัฒน์ ทรงวิเคราะห์ว่าหากประชาชนพึ่งตนเองได้แล้วก็จะมีส่วนช่วยเหลือเสริมสร้างประเทศชาติโดยส่วนรวมได้ในที่สุด พระราชดำรัสที่สะท้อนถึงพระวิสัยทัศน์ในการสร้างความเข้มแข็งในตนเองของประชาชนและสามารถทำมาหากินให้พออยู่พอกินได้ ดังนี้</span><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"> <o:p></o:p></span></div><div class="MsoNormal" style="margin-left: 36.0pt; mso-margin-bottom-alt: auto; mso-margin-top-alt: auto;"><b><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">"….<span lang="TH">ในการสร้างถนน สร้างชลประทานให้ประชาชนใช้นั้น จะต้องช่วยประชาชนในทางบุคคลหรือพัฒนาให้บุคคลมีความรู้และอนามัยแข็งแรง ด้วยการให้การศึกษาและการรักษาอนามัย เพื่อให้ประชาชนในท้องที่สามารถทำการเกษตรได้ และค้าขายได้</span>…"</span></b><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><o:p></o:p></span></div><div class="MsoNormal" style="margin-left: 36.0pt; mso-margin-bottom-alt: auto; mso-margin-top-alt: auto;"><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"> <span lang="TH">ในสภาวการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเกิดความถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงขึ้นนี้จึงทำให้เกิดความเข้าใจได้ชัดเจนในแนวพระราชดำริของ</span> "<span lang="TH">เศรษฐกิจพอเพียง"</span> <span lang="TH">ซึ่งได้ทรงคิดและตระหนักมาช้านาน</span> <span lang="TH">เพราะหากเราไม่ไปพี่งพา ยึดติดอยู่กับกระแสจากภายนอกมากเกินไป</span> <span lang="TH">จนได้ครอบงำความคิดในลักษณะดั้งเดิมแบบไทยๆไปหมด มีแต่ความทะเยอทะยานบนรากฐานที่ไม่มั่นคงเหมือนลักษณะฟองสบู่</span> <span lang="TH">วิกฤตเศรษฐกิจเช่นนี้อาจไม่เกิดขึ้น หรือไม่หนักหนาสาหัสจนเกิดความเดือดร้อนกันถ้วนทั่วเช่นนี้</span> <span lang="TH">ดังนั้น "เศรษฐกิจพอเพียง"</span> <span lang="TH">จึงได้สื่อความหมาย ความสำคัญในฐานะเป็นหลักการสังคมที่พึงยึดถือ</span> <o:p></o:p></span></div><div class="MsoNormal" style="margin-left: 36.0pt; mso-margin-bottom-alt: auto; mso-margin-top-alt: auto;"><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"> <span lang="TH">ในทางปฏิบัติจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงคือ</span> <span lang="TH">การฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่น เศรษฐกิจพอเพียงเป็นทั้งหลักการและกระบวนการทางสังคม</span> <span lang="TH">ตั้งแต่ขั้นฟื้นฟูและขยายเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืน</span> <span lang="TH">เป็นการพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตและบริโภคอย่างพออยู่พอกินขึ้นไปถึงขั้นแปรรูปอุตสาหกรรมครัวเรือน สร้างอาชีพและทักษะวิชาการที่หลากหลายเกิดตลาดซื้อขาย สะสมทุน</span> <span lang="TH">ฯลฯ</span> <span lang="TH">บนพื้นฐานเครือข่ายเศรษฐกิจชุมชนนี้</span> <span lang="TH">เศรษฐกิจของ </span>3 <span lang="TH">ชาติ จะพัฒนาขึ้นมาอย่างมั่นคงทั้งในด้านกำลังทุนและตลาดภายในประเทศ รวมทั้งเทคโนโลยีซึ่งจะค่อยๆ พัฒนาขึ้นมาจากฐานทรัพยากรและภูมิปัญญาที่มีอยู่ภายในชาติ และทั้งที่จะพึงคัดสรรเรียนรู้จากโลกภายนอก</span> <o:p></o:p></span></div><div class="MsoNormal" style="margin-left: 36.0pt; mso-margin-bottom-alt: auto; mso-margin-top-alt: auto;"><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"> <span lang="TH">เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเศรษฐกิจที่พอเพียงกับตัวเอง ทำให้อยู่ได้ ไม่ต้องเดือดร้อน มีสิ่งจำเป็นที่ทำได้โดยตัวเองไม่ต้องแข่งขันกับใคร และมีเหลือเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ไม่มี อันนำไปสู่การแลกเปลี่ยนในชุมชน และขยายไปจนสามารถที่จะเป็นสินค้าส่งออก เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเศรษฐกิจระบบเปิดที่เริ่มจากตนเองและความร่วมมือ วิธีการเช่นนี้จะดึงศักยภาพของ ประชากรออกมาสร้างความเข้มแข็งของครอบครัว ซึ่งมีความผู้พันกับ </span>“<span lang="TH">จิตวิญญาณ</span>” <span lang="TH">คือ </span>“<span lang="TH">คุณค่า</span>” <span lang="TH">มากกว่า </span>“<span lang="TH">มูลค่า</span>”<br />
<br />
<span lang="TH">ในระบบเศรษฐกิจพอเพียงจะจัดลำดับความสำคัญของ </span>“<span lang="TH">คุณค่า</span>” <span lang="TH">มากกว่า </span>“<span lang="TH">มูลค่า</span>” <span lang="TH">มูลค่านั้นขาดจิตวิญญาณ เพราะเป็นเศรษฐกิจภาคการเงิน ที่เน้นที่จะตอบสนองต่อความต้องการที่ไม่จำกัดซึ่งไร้ขอบเขต ถ้าไม่สามารถควบคุมได้การใช้ทรัพยากรอย่างทำลายล้างจะรวดเร็วขึ้นและปัญหาจะตามมา เป็นการบริโภคที่ก่อให้เกิดความทุกข์หรือพาไปหาความทุกข์ และจะไม่มีโอกาสบรรลุวัตถุประสงค์ในการบริโภค ที่จะก่อให้ความพอใจและความสุข (</span>Maximization of Satisfaction) <span lang="TH">ผู้บริโภคต้องใช้หลักขาดทุนคือกำไร (</span>Our loss is our gain) <span lang="TH">อย่างนี้จะควบคุมความต้องการที่ไม่จำกัดได้ และสามารถจะลดความต้องการลงมาได้ ก่อให้เกิดความพอใจและความสุขเท่ากับได้ตระหนักในเรื่อง </span>“<span lang="TH">คุณค่า</span>” <span lang="TH">จะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้ ไม่ต้องไปหาวิธีทำลายทรัพยากรเพื่อให้เกิดรายได้มาจัดสรรสิ่งที่เป็น </span>“<span lang="TH">ความอยากที่ไม่มีที่สิ้นสุด</span>” <span lang="TH">และขจัดความสำคัญของ </span>“<span lang="TH">เงิน</span>” <span lang="TH">ในรูปรายได้ที่เป็นตัวกำหนดการบริโภคลงได้ระดับหนึ่ง แล้วยังเป็นตัวแปรที่ไปลดภาระของกลไกของตลาดและการพึ่งพิงกลไกของตลาด ซึ่งบุคคลโดยทั่วไปไม่สามารถจะควบคุมได้ รวมทั้งได้มีส่วนในการป้องกันการบริโภคเลียนแบบ (</span>Demonstration Effects) <span lang="TH">จะไม่ทำให้เกิดการสูญเสีย จะทำให้ไม่เกิดการบริโภคเกิน (</span>Over Consumption) <span lang="TH">ซึ่งก่อให้เกิดสภาพเศรษฐกิจดี สังคมไม่มีปัญหา การพัฒนายั่งยืน</span><br />
<br />
<span lang="TH">การบริโภคที่ฉลาดดังกล่าวจะช่วยป้องกันการขาดแคลน แม้จะไม่ร่ำรวยรวดเร็ว แต่ในยามปกติก็จะทำให้ร่ำรวยมากขึ้น ในยามทุกข์ภัยก็ไม่ขาดแคลน และสามารถจะฟื้นตัวได้เร็วกว่า โดยไม่ต้องหวังความช่วยเหลือจากผู้อื่นมากเกินไป เพราะฉะนั้นความพอมีพอกินจะสามารถอุ้มชูตัวได้ ทำให้เกิดความเข้มแข็ง และความพอเพียงนั้นไม่ได้หมายความว่า ทุกครอบครัวต้องผลิตอาหารของตัวเอง จะต้องทอผ้าใส่เอง แต่มีการแลกเปลี่ยนกันได้ระหว่างหมู่บ้าน เมือง และแม้กระทั่งระหว่างประเทศ ที่สำคัญคือการบริโภคนั้นจะทำให้เกิดความรู้ที่จะอยู่ร่วมกับระบบ รักธรรมชาติ ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง เพราะไม่ต้องทิ้งถิ่นไปหางานทำ เพื่อหารายได้มาเพื่อการบริโภคที่ไม่เพียงพอ</span><br />
<br />
<span lang="TH">ประเทศไทยอุดมไปด้วยทรัพยากรและยังมีพอสำหรับประชาชนไทยถ้ามีการจัดสรรที่ดี โดยยึด " คุณค่า " มากกว่า " มูลค่า " ยึดความสัมพันธ์ของ </span>“<span lang="TH">บุคคล</span>” <span lang="TH">กับ </span>“<span lang="TH">ระบบ</span>” <span lang="TH">และปรับความต้องการที่ไม่จำกัดลงมาให้ได้ตามหลักขาดทุนเพื่อกำไร และอาศัยความร่วมมือเพื่อให้เกิดครอบครัวที่เข้มแข็งอันเป็นรากฐานที่สำคัญของระบบสังคม</span><br />
<br />
<span lang="TH">การผลิตจะเสียค่าใช้จ่ายลดลงถ้ารู้จักนำเอาสิ่งที่มีอยู่ในขบวนการธรรมชาติมาปรุงแต่ง ตามแนวพระราชดำริในเรื่องต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้วซึ่งสรุปเป็นคำพูดที่เหมาะสมตามที่ ฯพณฯ พลเอกเปรม ตินณสูลานนท์ ที่ว่า </span>“…<span lang="TH">ทรงปลูกแผ่นดิน ปลูกความสุข ปลดความทุกข์ของราษฎร</span>” <span lang="TH">ในการผลิตนั้นจะต้องทำด้วยความรอบคอบไม่เห็นแก่ได้ จะต้องคิดถึงปัจจัยที่มีและประโยชน์ของผู้เกี่ยวข้อง มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาอย่างเช่นบางคนมีโอกาสทำโครงการแต่ไม่ได้คำนึงว่าปัจจัยต่าง ๆ ไม่ครบ ปัจจัยหนึ่งคือขนาดของโรงงาน หรือเครื่องจักรที่สามารถที่จะปฏิบัติได้ แต่ข้อสำคัญที่สุด คือวัตถุดิบ ถ้าไม่สามารถที่จะให้ค่าตอบแทนวัตถุดิบแก่เกษตรกรที่เหมาะสม เกษตรกรก็จะไม่ผลิต ยิ่งถ้าใช้วัตถุดิบสำหรับใช้ในโรงงานั้น เป็นวัตถุดิบที่จะต้องนำมาจากระยะไกล หรือนำเข้าก็จะยิ่งยาก เพราะว่าวัตถุดิบที่นำเข้านั้นราคายิ่งแพง บางปีวัตถุดิบมีบริบูรณ์ ราคาอาจจะต่ำลงมา แต่เวลาจะขายสิ่งของที่ผลิตจากโรงงานก็ขายยากเหมือนกัน เพราะมีมากจึงทำให้ราคาตก หรือกรณีใช้เทคโนโลยีทางการเกษตร เกษตรกรรู้ดีว่าเทคโนโลยีทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น และผลผลิตที่เพิ่มนั้นจะล้นตลาด ขายได้ในราคาที่ลดลง ทำให้ขาดทุน ต้องเป็นหนี้สิน</span><br />
<br />
<br />
<b><span lang="TH">การผลิตตามทฤษฎีใหม่สามารถเป็นต้นแบบการคิดในการผลิตที่ดีได้ ดังนี้</span> </b><br />
<br />
1. <span lang="TH">การผลิตนั้นมุ่งใช้เป็นอาหารประจำวันของครอบครัว เพื่อให้มีพอเพียงในการบริโภคตลอดปี เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวันและเพื่อจำหน่าย</span><br />
2. <span lang="TH">การผลิตต้องอาศัยปัจจัยในการผลิต ซึ่งจะต้องเตรียมให้พร้อม เช่น การเกษตรต้องมีน้ำ การจัดให้มีและดูแหล่งน้ำ จะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งการผลิต และประโยชน์ใช้สอยอื่น ๆ</span><br />
3. <span lang="TH">ปัจจัยประกอบอื่น ๆ ที่จะอำนวยให้การผลิตดำเนินไปด้วยดี และเกิดประโยชน์เชื่อมโยง (</span>Linkage) <span lang="TH">ที่จะไปเสริมให้เกิดความยั่งยืนในการผลิต จะต้องร่วมมือกันทุกฝ่ายทั้ง เกษตรกร ธุรกิจ ภาครัฐ ภาคเอกชน เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจพอเพียงเข้ากับเศรษฐกิจการค้า และให้ดำเนินกิจการควบคู่ไปด้วยกันได้</span><br />
<br />
<span lang="TH">การผลิตจะต้องตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่าง </span>“<span lang="TH">บุคคล</span>” <span lang="TH">กับ </span>“<span lang="TH">ระบบ</span>” <span lang="TH">การผลิตนั้นต้องยึดมั่นในเรื่องของ </span>“<span lang="TH">คุณค่า</span>” <span lang="TH">ให้มากกว่า </span>“<span lang="TH">มูลค่า</span>” <span lang="TH">ดังพระราชดำรัส ซึ่งได้นำเสนอมาก่อนหน้านี้ที่ว่า</span><br />
<br />
<b>“…<span lang="TH">บารมีนั้น คือ ทำความดี เปรียบเทียบกับธนาคาร </span>…<span lang="TH">ถ้าเราสะสมเงินให้มากเราก็สามารถที่จะใช้ดอกเบี้ย ใช้เงินที่เป็นดอกเบี้ย โดยไม่แตะต้องทุนแต่ถ้าเราใช้มากเกิดไป หรือเราไม่ระวัง เรากิน เข้าไปในทุน ทุนมันก็น้อยลง ๆ จนหมด </span>…<span lang="TH">ไปเบิกเกินบัญชีเขาก็ต้องเอาเรื่อง ฟ้องเราให้ล้มละลาย เราอย่าไปเบิกเกินบารมีที่บ้านเมือง ที่ประเทศได้สร้างสมเอาไว้ตั้งแต่บรรพบุรุษของเราให้เกินไป เราต้องทำบ้าง หรือเพิ่มพูนให้ประเทศของเราปกติมีอนาคตที่มั่นคง บรรพบุรุษของเราแต่โบราณกาล ได้สร้างบ้านเมืองมาจนถึงเราแล้ว ในสมัยนี้ที่เรากำลังเสียขวัญ กลัว จะได้ไม่ต้องกลัว ถ้าเราไม่รักษาไว้</span>…” </b><br />
<br />
<span lang="TH">การจัดสรรทรัพยากรมาใช้เพื่อการผลิตที่คำนึงถึง </span>“<span lang="TH">คุณค่า</span>” <span lang="TH">มากกว่า </span>“<span lang="TH">มูลค่า</span>” <span lang="TH">จะก่อให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่าง </span>“<span lang="TH">บุคคล</span>” <span lang="TH">กับ </span>“<span lang="TH">ระบบ</span>” <span lang="TH">เป็นไปอย่างยั่งยืน ไม่ทำลายทั้งทุนสังคมและทุนเศรษฐกิจ นอกจากนี้จะต้องไม่ติดตำรา สร้างความรู้ รัก สามัคคี และความร่วมมือร่วมแรงใจ มองกาลไกลและมีระบบสนับสนุนที่เป็นไปได้</span><br />
<br />
<span lang="TH">พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปลูกฝังแนวพระราชดำริให้ประชาชนยอมรับไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง โดยให้วงจรการพัฒนาดำเนินไปตามครรลองธรรมชาติ กล่าวคือ</span><br />
<br />
<b><span lang="TH">ทรงสร้างความตระหนักแก่ประชาชนให้รับรู้ (</span>Awareness)</b> <span lang="TH">ในทุกคราเมื่อ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมประชาชนในทุกภูมิภาคต่าง ๆ จะทรงมีพระราชปฏิสันถารให้ประชาชนได้รับทราบถึงสิ่งที่ควรรู้ เช่น การปลูกหญ้าแฝกจะช่วยป้องกันดินพังทลาย และใช้ปุ๋ยธรรมชาติจะช่วยประหยัดและบำรุงดิน การแก้ไขดินเปรี้ยวในภาคใต้สามารถกระทำได้ การ ตัดไม้ทำลายป่าจะทำให้ฝนแล้ง เป็นต้น ตัวอย่างพระราชดำรัสที่เกี่ยวกับการสร้างความตระหนักให้แก่ประชาชน ได้แก่</span><br />
<br />
<b>“….<span lang="TH">ประเทศไทยนี้เป็นที่ที่เหมาะมากในการตั้งถิ่นฐาน แต่ว่าต้องรักษาไว้ ไม่ทำให้ประเทศไทยเป็นสวนเป็นนากลายเป็นทะเลทราย ก็ป้องกัน ทำได้</span>….”</b><br />
<br />
<span lang="TH">ทรงสร้างความสนใจแก่ประชาชน (</span>Interest) <span lang="TH">หลายท่านคงได้ยินหรือรับฟัง โครงการอันเนื่อง มาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีนามเรียกขานแปลกหู ชวนฉงน น่าสนใจติดตามอยู่เสมอ เช่น โครงการแก้มลิง โครงการแกล้งดิน โครงการเส้นทางเกลือ โครงการน้ำดีไล่น้ำเสีย หรือโครงการน้ำสามรส ฯลฯ เหล่านี้ เป็นต้น ล้วนเชิญชวนให้ ติดตามอย่างใกล้ชิด แต่พระองค์ก็จะมีพระราชาธิบายแต่ละโครงการอย่างละเอียด เป็นที่เข้าใจง่ายรวดเร็วแก่ประชาชนทั้งประเทศ</span><br />
<br />
<span lang="TH">ในประการต่อมา</span> <b><span lang="TH">ทรงให้เวลาในการประเมินค่าหรือประเมินผล (</span>Evaluate)</b> <span lang="TH">ด้วยการศึกษาหาข้อมูลต่าง ๆ ว่าโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระองค์นั้นเป็นอย่างไร สามารถนำไปปฏิบัติได้ในส่วนของตนเองหรือไม่ ซึ่งยังคงยึดแนวทางที่ให้ประชาชนเลือกการพัฒนาด้วยตนเอง ที่ว่า</span><br />
<b>“….<span lang="TH">ขอให้ถือว่าการงานที่จะทำนั้นต้องการเวลา เป็นงานที่มีผู้ดำเนินมาก่อนแล้ว ท่านเป็นผู้ที่จะเข้าไปเสริมกำลัง จึงต้องมีความอดทนที่จะเข้าไปร่วมมือกับผู้อื่น ต้องปรองดองกับเขาให้ได้ แม้เห็นว่ามีจุดหนึ่งจุดใดต้องแก้ไขปรับปรุงก็ต้องค่อยพยายามแก้ไขไปตามที่ถูกที่ควร</span>….”</b><br />
<br />
<b><span lang="TH">ในขั้นทดลอง (</span>Trial)</b> <span lang="TH">เพื่อทดสอบว่างานในพระราชดำริที่ทรงแนะนำนั้นจะได้ผลหรือไม่ซึ่งในบางกรณีหากมีการทดลองไม่แน่ชัดก็ทรงมักจะมิให้เผยแพร่แก่ประชาชน หากมีผลการทดลองจนแน่พระราชหฤทัยแล้วจึงจะออกไปสู่สาธารณชนได้ เช่น ทดลองปลูกหญ้าแฝกเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำนั้น ได้มีการค้นคว้าหาความเหมาะสมและความเป็นไปได้จนทั่วทั้งประเทศว่าดียิ่งจึงนำออกเผยแพร่แก่ประชาชน เป็นต้น</span><br />
<br />
<b><span lang="TH">ขั้นยอมรับ (</span>Adoption)</b> <span lang="TH">โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั้น เมื่อผ่านกระบวนการมาหลายขั้นตอน บ่ม เพาะ และมีการทดลองมาเป็นเวลานาน ตลอดจนทรงให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริและสถานที่อื่น ๆ เป็นแหล่งสาธิตที่ประชาชนสามารถเข้าไปศึกษาดูได้ถึงตัวอย่างแห่งความสำเร็จ ดังนั้น แนวพระราชดำริของพระองค์จึงเป็นสิ่งที่ราษฎรสามารถพิสูจน์ได้ว่าจะได้รับผลดีต่อชีวิต และความเป็นอยู่ของตนได้อย่างไร</span><br />
<br />
<span lang="TH">แนวพระราชดำริทั้งหลายดังกล่าวข้างต้นนี้ แสดงถึงพระวิริยะอุตสาหะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทุ่มเทพระสติปัญญา ตรากตรำพระวรกาย เพื่อค้นคว้าหาแนวทางการพัฒนาให้พสกนิกรทั้งหลายได้มีความร่มเย็นเป็นสุขสถาพรยั่งยืนนาน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงที่ได้พระราชทานแก่ปวงไทยตลอดเวลามากกว่า </span>50 <span lang="TH">ปี จึงกล่าวได้ว่าพระราชกรณียกิจของพระองค์นั้นสมควรอย่งยิ่งที่ทวยราษฎรจักได้เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท ตามที่ทรงแนะนำ สั่งสอน อบรมและวางแนวทางไว้เพื่อให้เกิดการอยู่ดีมีสุขโดยถ้วนเช่นกัน โดยการพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขึ้นตอนต้องสร้างพื้นฐาน คือ ความพอมี พอกิน พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตาหลักวิชาการ เพื่อได้พื้นฐานที่มั่นคงพร้อมพอสมควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริม ความเจริญ และฐานะทางเศรษฐกิจขึ้นที่สูงขึ้นไปตามลำดับ จะก่อให้เกิดความยั่งยืนและจะนำไปสู่ความเข้มแข็งของครอบครัว ชุมชน และสังคม สุดท้ายเศรษฐกิจดี สังคมไม่มีปัญหา การพัฒนายั่งยืน</span><br />
<br />
<b><span lang="TH">ประการที่สำคัญของเศรษฐกิจพอเพียง</span></b><o:p></o:p></span></div><div class="MsoNormal" style="margin-left: 36.0pt; mso-margin-bottom-alt: auto; mso-margin-top-alt: auto;"><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"> 1. <span lang="TH">พอมีพอกิน ปลูกพืชสวนครัวไว้กินเองบ้าง ปลูกไม้ผลไว้หลังบ้าน </span>2-3 <span lang="TH">ต้น พอที่จะมีไว้กินเองในครัวเรือน เหลือจึงขายไป</span><br />
2. <span lang="TH">พออยู่พอใช้ ทำให้บ้านน่าอยู่ ปราศจากสารเคมี กลิ่นเหม็น ใช้แต่ของที่เป็นธรรมชาติ (ใช้จุลินทรีย์ผสมน้ำถูพื้นบ้าน จะสะอาดกว่าใช้น้ำยาเคมี) รายจ่ายลดลง สุขภาพจะดีขึ้น (ประหยัดค่ารักษาพยาบาล)</span><br />
3. <span lang="TH">พออกพอใจ เราต้องรู้จักพอ รู้จักประมาณตน ไม่ใคร่อยากใคร่มีเช่นผู้อื่น เพราะเราจะหลงติดกับวัตถุ ปัญญาจะไม่เกิด</span><o:p></o:p></span></div><div class="MsoNormal" style="margin-bottom: 12.0pt; margin-left: 36.0pt; margin-right: 0cm; margin-top: 0cm;"><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"> " <span lang="TH">การจะเป็นเสือนั้นมันไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่เราพออยู่พอกิน และมีเศรษฐกิจการเป็นอยู่แบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกิน หมายความว่า</span> <b><span lang="TH">อุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตัวเอง</span></b> " <o:p></o:p></span></div><div align="center" class="MsoNormal" style="margin-left: 36.0pt; text-align: center;"><b><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">"<span lang="TH">เศรษฐกิจพอเพียง" จะสำเร็จได้ด้วย "ความพอดีของตน"</span></span></b><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><o:p></o:p></span></div>วิจิตรา แก้วสะเทือน ม.5/8 เลขที่45http://www.blogger.com/profile/15206913492770899315noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4897386087984544406.post-30542319640476943572011-09-15T04:10:00.001-07:002011-09-15T04:48:40.825-07:00บทที่ 2 ระบบเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน<h3 style="margin-bottom: .0001pt; margin: 0cm;"><span lang="TH" style="background-attachment: initial; background-clip: initial; background-color: white; background-image: initial; background-origin: initial; background-position: initial initial; background-repeat: initial initial; font-family: 'Angsana New'; font-size: 16pt;">บทที่ ๒<o:p></o:p></span></h3><h3 style="margin-bottom: .0001pt; margin: 0cm;"><span style="background-attachment: initial; background-clip: initial; background-image: initial; background-origin: initial; background-position: initial initial; background-repeat: initial initial; font-family: 'Angsana New'; font-size: 16pt;"><span class="Apple-style-span" style="background-color: white;">1.1<span lang="TH">ระบบเศรษฐกิจของโลกในปัจจุบัน ผลดีและผลเสียของระบบเศรษฐกิจ</span></span><span class="Apple-style-span" style="background-color: #fbcedb;"><o:p></o:p></span></span></h3><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" class="MsoNormalTable" style="width: 926px;"><tbody>
<tr> <td style="padding: 7.5pt 7.5pt 7.5pt 7.5pt;" valign="top"> <div class="MsoNormal"><b><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"> 1. <span lang="TH">ระบบเศรษฐกิจกับการจัดสรรทรัพยากรในประเทศ</span></span></b><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><br />
<span class="apple-converted-space"> </span> <span lang="TH">ตามแนวคิดหลัของเศรษฐศาสต์ที่เสนอว่า"ทรัพยากรมีจำกัด"เมื่อเทียบกับความต้องการของมนุษย์ที่ไร้ขีดจำกัด กล่าวคือ ทรัพยากรซึ่งเป็นสิ่งที่มีอยู่ในโลกและเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องนำมาใช้เพื่อบำบัดความต้องการของตนนั้นมีขีดจำกัด</span><span class="apple-converted-space"> </span><span lang="TH">ด้วยเหตุผลนี้ แต่ละประเทศที่มีประชาชนในประเทศเปนเจ้าของทรัยากรของประเทศร่วมกันนั้นต่่างต้องการที่จะนำทรัพยากรมาตอบสนองความต้องการของตนให้ได้มากที่สุด</span><span class="apple-converted-space"> </span><span lang="TH">แต่เงื่อนไขที่สำคัญ คือ ทรัพยากรประเทศนั้นมีจำกัด รัฐบาลต้องทะหน้าที่ในการจักสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้กระจายไปยังประชาชนในประเทศอย่างทั่งถึงและเป็นธรรมดาที่สุด ด้วยการเลือกใช้ระบบเศรษฐกิจ มาจักสรรทรัพยากรและแก้ปัญหา</span><br />
<!--[if !supportLineBreakNewLine]--><br />
<!--[endif]--><o:p></o:p></span></div></td> </tr>
</tbody></table><h3 style="margin-bottom: .0001pt; margin: 0cm;"><span style="background-attachment: initial; background-clip: initial; background-image: initial; background-origin: initial; background-position: initial initial; background-repeat: initial initial; font-family: 'Angsana New'; font-size: 16pt;"><span class="Apple-style-span" style="background-color: white;">2.1<span lang="TH">การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต</span></span><span class="Apple-style-span" style="background-color: #fbcedb;"><o:p></o:p></span></span></h3><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" class="MsoNormalTable" style="width: 926px;"><tbody>
<tr> <td style="padding: 7.5pt 7.5pt 7.5pt 7.5pt;" valign="top"> <div class="MsoNormal"><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"> <span lang="TH">ความหมายของเศรษฐกิจ</span><br />
<span lang="TH">คำว่า"เศรษฐกิจพอเพียง" เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้ายู่หัวภูมิพลอดุลเดชมีพระราชดำรัชชี้แนะแนวการดำเนินชีวิตของพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดเป็นระยะเวลานานกว่า </span>30 <span lang="TH">ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในพ.ศ </span>2540 <span lang="TH">ภายหลังเมื่อได้ทรง้เน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพือให้ประชาชนรอดพ้นและสามารถอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ จากพระราชดำรัชของพระบาทสมเด็จพระเจ้ายู่หัวภูมิพลอดุลเดช ในวันที </span>18 <span lang="TH">กรกฎาคม พ.ส. </span>2517 <span lang="TH">ว่า</span><br />
"..<span lang="TH">การพั๖นาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับ ต้องสร้างพื้นฐานคือ ความพอมี พอกิน</span> <span lang="TH">ความพอมี พอใช้ ของประชาชนส่วนให่เบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัดแต่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เมื่อได้พื้นฐานจากความมั่นคงพร้อมสมควร และปฏิบัติได้แร้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจิรญ และฐานะทางเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป...</span> "<o:p></o:p></span></div></td> </tr>
<tr> <td style="padding: 7.5pt 7.5pt 7.5pt 7.5pt;" valign="top"> <div class="MsoNormal"><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"> <span lang="TH">หลังสงครามโลกครั้งที่ </span>2 <span lang="TH">ประเทศต่างๆในทวีปเอเชีย และอเมริกาใต้ ซึ่งมีประชากรรวมกันประมาณ </span>2 <span lang="TH">ใน </span>3 <span lang="TH">ของประชากรโลก ปะสบปัญหาความยากจนและความล้าหลังทางเศรษฐกิจ ประกอบกับเกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างค่ายเสรีนิยมประเทศต่างๆ เกิดความตื่นตัวที่จะพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อชีวิตความเป้นอยู่ของประชาชนดีขึ้น และประเทศไทยจึงได้จัดสรรงบประมาณเพื่อปรับปรุงการคมนาคมขนส่ง การชลปนะทาน การศึกาา มากยิ่งขึ้น ใน พ.ศ. </span>2493 <span lang="TH">มีการจัดตั้งสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่วิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับ้รื่องเศรษฐกิจของประเทศไทย ตามคำเชิญของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาทางการคลัง และทางเศรษฐกิจโดยทั่วไป พร้อมทั้งได้จัดตั้งคณะกรรมการดำเนินการทำผังเศรษฐกิจของประเทศซึ่งเป็นก้าวแรกที่จะนำไปสู่การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจของไทย</span><o:p></o:p></span></div></td> </tr>
</tbody></table>วิจิตรา แก้วสะเทือน ม.5/8 เลขที่45http://www.blogger.com/profile/15206913492770899315noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4897386087984544406.post-66193933967732804882011-09-15T04:09:00.001-07:002011-09-15T04:44:19.448-07:00บทที่ 1เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น<div class="MsoNormal"><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">เศรษฐศาสตร์เป็นสาขาวิชาหนึ่งของสังคมศาสตร์ เป็นการศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ที่เกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อันได้แก่ กิจกรรมการผลิต การกระจายสินค้าและบริการต่างๆที่ผลิตได้ไปสู่ผู้บริโภคและผู้ใช้บริการ กิจกรรม ทางเศรษฐกิจดังกล่าวนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราทุกคน เพราะเราต่างก็คือผู้ผลิตและ/หรือ ผู้บริโภค เศรษฐศาสตร์จึงมิใช่วิชาที่อยู่ไกลตัว หากเราได้ศึกษาและทำความเข้าใจกฎเกณฑ์และเนื้อหาของวิชาเศรษฐศาสตร์ไปตามลำดับขั้น ก็ย่อมจะเกิดความเข้าใจในสาขาวิชานี้ได้ไม่ยากนัก</span><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><o:p></o:p></span></div><div class="MsoNormal"><b><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">ความหมายของวิชาเศรษฐศาสตร์</span></b><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"><o:p></o:p></span></div><div class="MsoNormal"><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">โดยทั่วไปก่อนที่จะศึกษาอะไร สิ่งที่ผู้ศึกษาควรจะต้องทราบเป็นลำดับแรกก็คือสาขาวิชานั้นๆเป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องใด สำหรับการศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ (</span><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">Economics) <span lang="TH">ก็เช่นเดียวกัน มีผู้รู้ได้ให้คำนิยามของวิชาเศรษฐศาสตร์ไว้มากมายหลายท่าน อาทิ</span><o:p></o:p></span></div><div class="MsoNormal"><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">อัลเฟรด มาร์แชลล์ (</span><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">Alfred Marshall) <span lang="TH">นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้กล่าวถึงความหมาย ของวิชาเศรษฐศาสตร์ไว้ในหนังสือ</span> <i>Principle of Economics</i> <span lang="TH">ว่าเป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรม ของมนุษย์ทั้งระดับบุคคลและสังคม ในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อการดำรงชีพให้ได้รับความสุขสมบูรณ์</span><o:p></o:p></span></div><div class="MsoNormal"><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">พอล แซมมวลสัน (</span><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">Pual Samuelson) <span lang="TH">นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน ได้ให้คำนิยามวิชาเศรษฐศาสตร์ว่าคือวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับวิธีการที่มนุษย์และสังคมจะโดยใช้เงินหรือไม่ก็ตาม ตัดสินใจเลือกใช้ทรัพยากรการผลิตที่มีอยู่อย่างจำกัดไปในการผลิตสินค้าและบริการ และจำหน่ายจ่ายแจกสินค้า และบริการเหล่านั้นไปยังกลุ่มบุคคลต่างๆในสังคมทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ส่วนคำนิยามที่ได้รับความนิยมได้แก่คำนิยามของไลโอเนล รอบบินส์ (</span>Lionel Robbins) <span lang="TH">ซึ่งเขียนไว้ในหนังสือชื่อ</span> <i>An Essay on the Nature and Significance of Economic Science </i><span lang="TH">ว่าเศรษฐศาสตร์คือวิชาที่ศึกษาถึงการเลือกหาหนทางที่จะใช้ปัจจัยการผลิตอันมีอยู่อย่างจำกัด เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามจุดประสงค์ที่มีอยู่อย่างนับไม่ถ้วน</span><o:p></o:p></span></div><div class="MsoNormal"><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">ประยูร เถลิงศรี ให้คำนิยามไว้ในหนังสือ</span><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"> <i><span lang="TH">หลักเศรษฐศาสตร์</span> </i><span lang="TH">ว่าวิชาเศรษฐศาสตร์เป็นวิชาสังคมศาสตร์ที่เกี่ยวกับการศึกษาว่ามนุษย์เลือกตัดสินใจอย่างไรในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด เพื่อผลิตสิ่งของและบริการ และแบ่งปันสิ่งของและบริการเหล่านั้นเพื่ออุปโภคและบริโภคระหว่างบุคคล ต่างๆในสังคม ทั้งในเวลาปัจจุบันและในอนาคต</span><o:p></o:p></span></div><div class="MsoNormal"><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;">มนูญ พาหิระ ให้คำนิยามไว้ในหนังสือ</span><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16.0pt;"> <i><span lang="TH">ทฤษฎีราคา</span></i> <span lang="TH">ว่าเศรษฐศาสตร์เป็นวิชาที่ศึกษาในเรื่อง ที่เกี่ยวกับการนำทรัพยากรที่มีอยู่ในระบบเศรษฐกิจมาทำการผลิตสินค้าและบริการเพื่อสนองหรือบำบัดความต้องการของมนุษย์</span><o:p></o:p></span></div>วิจิตรา แก้วสะเทือน ม.5/8 เลขที่45http://www.blogger.com/profile/15206913492770899315noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4897386087984544406.post-64096363619830012022011-09-15T04:07:00.001-07:002011-09-15T04:07:10.198-07:00เศรษฐศาสตร์วิจิตรา แก้วสะเทือน ม.5/8 เลขที่45http://www.blogger.com/profile/15206913492770899315noreply@blogger.com0